นานแล้วไม่ได้อัพบล็อคเลยเนื่องจากก่อนหน้านี้ออฟฟิศบล้อคเว็บนี้ทำอิหยังก็ไม่รู้ เลยไปทำตาใสใส่พี่แผนกไอทีว่า บล้อคทำไมคะ หาข้อมูลไม่ค่อยได้เลย 5555+ ไหน ๆ เค้าก็ปลดล็อคให้ละวันนี้เลยจะแวะมารีวิวสถานที่ที่ไปเที่ยวมา รอบนี้ไม่ค่อยได้ออกไปนอกประเทศเหมือนรอบที่แล้ว (จะว่าไปรอบที่แล้วยังไม่เคยรีวิวเลย เดี๋ยวรอต่อจากอันนี้ละกัน 55+)
รอบนี้มีโอกาสได้ขับรถไปทางใต้ของเยอรมนี จุดประสงค์หลักคือแฟนอยากพาขึ้นเขาไปสัมผัสหิมะ เอิ่ม....ชั้นก็ไม่ได้อยากเห็นหิมะขนาดนั้น ขับรถจากบ้านลงใต้ไปใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เรียกว่านั่งกันเมื่อยก้นเลยทีเดียว แต่วิวและบรรยากาศเรียกได้ว่าคุ้มค่าจริง ๆ เอ้า !!! ไปชมกันเลย
เมืองที่ไปน่าจะชื่อ Grainau นะ ขับผ่าน Garmisch มานิดนึงเข้ามาพักที่หมู่บ้านที่ดูไม่ใหญ่มากนัก บ้านส่วนมากสไตล์พื้นเมืองๆ ดั้งเดิมแบบบาวาเรียสวยมากๆ รีสอร์ที่พักชื่อ "Bayern Resort" เหมือนเป็นอพาร์ทเม้นต์ให้พักมากกว่า มีห้องครัวและเครื่องทำครัวให้เพรียบพร้อม ชอบห้องมากๆ น่ารักดี
รูปนี้คือห้องนั่งเล่น แนวหลังคาเป็นสโล้บลงมาน่ารักดี
ตรงข้ามกับห้องนั่งเล่นก็จะเป็นเตียงนอน
วิวจากระเบียงห้องสวยมาก มองไปเห็น zugspitze ด้วย อยากขึ้นแล้วแต่วันนี้เย็นเกินไปละ
วันรุ่งขึ้น ..... วันนี้หละที่ชั้นจะขึ้นไปบนยอดเขานั้น 555+ อากาศหนาว ๆ และหิมะเย็น ๆ รอชั้นอยู่สินะ ตื่นกันแต่เช้ามาทำอาหารเช้าให้คุณชาย ทำเองนะเนี่ย จัดเอง สวย 5555555555
หลังจากนั้นเราก็ขับรถออกไปสถานีรถไฟเพื่อที่จะขึ้นเขา ข้าง ๆ มีสถานี cable car ด้วย แต่มันขึ้นเร็วดูไม่ค่อยเอนจอยบรรยากาศ ส่วนมากเป็นพวกคนที่จะขึ้นไปเล่นสกีจะขึ้น cable car ไปมากกว่า ซื้อตั๋วคนละประมาณ 40 กว่ายูโร สามารถใช้บริการ cable car ข้างบนได้ฟรีหมดเลยและเป็นตั๋วรถไฟขึ้น-ลง
รถไฟที่จะพาเราไต่เขาขึ้นไป
ขึ้นมาที่ระดับความสูงแรกอากาศอยู่ที่ -7 องศา หายใจสบายปอดมากๆ อากาศดี ไม่ได้หนาวเว่อร์อยากที่มโนไว้เพราะว่าไม่ค่อยมีลม วิวสวยใช่มั้ยล่าาาาาาาาาาา
จินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงเอลซ่าเห็น Frozen 5555+
ต่อจากนั้นเราขึ้น cable car มาที่ระดับความสูงท้อปสุดของ zugspitze ยิ่งเห็นวิวชัดมาก ๆ อากาศบนจุดนี้อยู่ที่ -11 องศา ไม่พูดพร่ำทำเพลงไปดูรูปกัน
สวยมากๆ เขาอะไรต่อมิอะไรก็ไม่รู้นะ มีกล้องให้ดูมีชื่อเขาบอก แต่ลืมหมดแล้ว 555
จุดนี้คือ Top of Germany แต่หน้าหนาวขึ้นไปไม่ได้เค้าปิด เพราะอันตรายเกินไป แต่หน้าร้อนก็จะมีนักท่องเที่ยวปีนบันไดลิง ดั้นด้นกันขึ้นไป ณ จุดนี้ ดูเสียวสุดๆ
หมดแล้วรีวิวโดยรวม ๆ ยังมีรูปอีกเยอะมากแต่เดี๋ยวจะเบื่อซะก่อนเพราะมีแต่หน้าเรา 555 เช้าวันต่อมาเรามีแพลนจะไปที่ Partnachklamm กัน ก็ตื่นมาเตรียมอาหารเช้าเหมือนอย่างเคย และใช้เวลาขับรถไปที่ Garmisch ซักประมาณ 30 นาทีเองมั้ง ใกล้ ๆ กับหมู่บ้านโอลิมปิค
Partnachklamm มันจะเป็นช่องเขาที่มีน้ำตกลงมา ซึ่งก็มีเป็นน้ำลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากบนเขา เดาว่าน่าจะเป็นที่หิมะละลายลงมาด้วย แล้วก็ตามข้างๆ ซอกๆ เขาน้ำที่ยังแข็งเป็นน้ำแข็งก็ยังติดอยู่ เออ สวยไปอีกแบบดีนะ ค่าตั๋วเข้าคนละ 5 ยูโรมั้งถ้าจำไม่ผิด เดินเลาะ ๆ ข้างเขาไปเรื่อย ๆ แล้วก็เดินกลับมาทางเดิมนี่หละ
รูปนี้ที่ Partnachklamm เรานั่ง cable car ขึ้นไปบนยอดเขา cable car เก่าและน่ากลัวมากแทบร้องอ่ะ ขาลงเลยบอกแฟนว่า เดินลงเท่านั้น !!!!!
อีกที่ที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวก่อนบินกลับมาไทยคือ Wartburg Castle เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์อีกที่หนึ่งของเยอรมนี เป็นที่ที่ Martin Luther แปล Bible เป็นภาษาเยอรมัน แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากลมแรงและฝนตก ค่าตั๋ว 9 ยูโรและจะมีไกด์พาเราชมปราสาทด้านในพร้อมอธิบายเรื่องราวให้ฟัง ส่วนตัวเราคิดว่า wartburg น่าเที่ยวช่วงซัมเมอร์มากกว่าเพราะจะมีดองกี้ให้ขี่และต้นไม้เขียวขจี วิวสวยกว่าเยอะเดี๋ยวจะหารูปจาก google มาแปะให้ดูละกันนะ
รูปภายนอกของปราสาท ดูขรึม ๆ น่ากลัว ๆ นิด ๆ นะสำหรับเรา
ถ้าจำไม่ผิดห้องนี้จะเป็นห้องนั่งเล่นของอลิซาเบธ มีเตาผิงใหญ่ที่มุมห้อง
ห้องนี้เหมือนคล้าย ๆ ห้องการแสดงโอเปร่า อะไรเถือก ๆ นั้น สวยดี เข้าไปนั่งเค้าเปิดเพลงให้ฟัง
ห้องทำงานของ Martin Luther ที่นั่งแปล Bible
โบสถ์ที่อยู่ในปราสาท
คนนี้เป็นไกด์ที่คอยอธิบายเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ให้เราฟัง นางน่ารักมาก อธิบายดีเป็นภาษาอังกฤษ และไม่น่าเบื่อเลย
หมดแล้วที่ ๆ ไปเที่ยวใหม่ ๆ สำหรับทริปรอบนี้ ขอบคุณคุณแฟนผู้มีอุปการะคุณสำหรับทริปนี้ สุดท้ายนี้ขอลงรูปคู่สวย ๆ เป็นการส่งท้าย 5555 ตอนนี้กลับมาไทยแล้วซึมเศร้าคิดถึงนางจัง T_T
จุดนี้เค้ามีกล้องให้กดถ่ายอัตโนมัติ แล้วนี่ก็ไม่นึกว่านางคนนั้นจะติดมาในรูปชั้นด้วย กริ้วมาก ที่สำคัญกดถ่ายมารอบเดียวจ้า น้ำตาจะไหล เอานางออกไปที T T
No comments:
Post a Comment