Tuesday, February 25, 2014

Review : Samsung Galaxy Grand2



ครั้งแรกกับการใช้ SmartPhone Android OS และครั้งแรกของการเลือก Samsung เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่สุด ๆ เกริ่นนิดนึง....ก่อนหน้านี้โทรศัพท์ที่ใช้คือ BB bold 9900 ใช้เป็นโทรศัพทจริง ๆ ไม่ได้เปิดแพคเกจเสริมใด ๆ เลย ไม่เล่นเน็ต เพราะมันหมดยุคคนนั่งเล่น BBM ไปนานปางชาติละ อีกเครื่องที่ใช้อยู่คือ The new iPad หรือ iPad3 นั่นเอง ซึ่งเราใช้ 3G เครื่องนี้แทน แบกไปโน่นมานี่ด้วยกันตลอดนานเกือบ 2 ปีเลยทีเดียว หลัก ๆ ก็มีไว้พวก Social network และดู Series

พอระยะหลัง ๆ  ที่ผ่านมากับการแบกน้อง iPad3 คือเมื่อยไหล่มากและเนื่องจากมี App ที่ต้องใช้ Connect ทำงานด้วย โอ่ยยยยย คือต้องแบกนางทุกวันแล้วนี่ก็แก่ขึ้นทุกวันไหล่จะหักเอา อีกอย่างเวลาไปไหนเราก็อยากถ่ายรูปโน่น นี่ นั่น จะควักนางขึ้นมาทีนี่ลำบากชีวิตเหลือหลาย จนพาลเป็นขี้เกียจไม่ทงไม่ถ่ายมันละ

จนกระทั่งเนี่ยหละไปได้ข่าวมาว่า Grand2 จะออกเท่านั้นหละ แว้บแรกที่คิดขึ้น "จะซื้อเครื่องนี้"  ราคาย่อมเยาว์ ฟังก์ชั่นโอเค สเป็คโอเค สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้อะไรมากสำหรับเรา ไม่เน้นโอเว่อร์เอาเครื่องแพง ๆ มานั่งเล่นไลน์ คือ เปลืองเงิน

มาดูลักษณะตัวเครื่องกันก่อนละกัน เราซื้อสีขาวมาสวยดีอ่ะ ด้านหน้ามีลาย ๆ  ไม่ใช่พื้นเรียบ ๆ เหมือนรุ่นแรก ส่วนพื้นฝาหลังเป็นเหมือนหนัง ๆ ทำออกมาเหมือน Note2 เลย ดูดีนะ เราชอบ

ด้านหน้า - พื้นฝาหน้านี่จะมีลายเหมือนด้านหลังนะ ไม่ใช่แค่ขาว ๆ เรียบ ๆ สวยดี

ด้านหลัง - สไตล์ก็คล้าย ๆ กันกับรุ่น ๆ อื่นของ Galaxy 

ส่วนของฝาหลังที่ทำออกมาเหมือนกับ Note2 สวยดี

ต่อมาระบบกล้องถ่ายรูป กล้องหลัง 8 ล้าน กล้องหน้า 1.9 ล้าน ขำกล้องหน้ามากเปิดไปนางดีฟอลต์อยู่ที่โหมดหน้าสวย แล้วถ่ายออกมาสวยจริง นวลเนียนมาเชียว 55555555555555  เดี๋ยวเราจะรีวิวคร่าว ๆ ให้ดูความแตกต่างระหว่างกล้องหน้าและกล้องหลัง ด้วยหนังหนาเพื่อนเราเอง กร้ากกกกกก

กล้องหลัง - ชัดยันตอหนวด มี Auto focus

กล้องหน้า โหมดหน้าสวย - รูขุมขนและริ้วรอยหายไปเยอะเลย คือสวยนวลเนียน 555555
กล้องหน้าจะไม่มีระบบ Auto focus

โดยรวมเราชอบนะเพราะว่าเราใช้งานไม่ได้เยอะอะไร เครื่องลื่นไหลปรื้ด ๆ ดีที่ลอง ๆ รูดเล่น 55555 จอชัดมาก HD ดู Youtube หรือ SeriesHD คือมันดีอ่ะ ^__^   อีกอย่าง Grand2 เป็นระบบ 2 ซิมรองรับ 3G ได้ทั้ง 2 ซิม และรองรับ SD Card สูงสุด 64 GB.  หนึ่งอย่างที่ Grand2 ไม่มีคือ LED Notification ซึ่งเป็นจุดที่เราชอบมาก ๆ (และหลาย ๆ คนอาจจะไม่ชอบ)  เพราะเราผ่านการใช้ BB มาหลายรุ่นซึ่งเรารำคาญกับอีการกระพริบ ๆ นี่มาก (ตอนใช้ BB เราก็ปิดตลอด)  เราก็เลยไม่เดือดร้อนกับเรื่องตรงนี้


Friday, February 21, 2014

Review : Condor Airlines.




ครั้งล่าสุดที่บินไปเยอรมนีบังเอิญไปสะดุดตากับสายการบินนึง "Condor Airlines" ทำไมถึงสะดุดตานะหรอ ก็ราคามันถูกหน่ะสิ แถมเป็น Direct flight ถึง Frankfurt โอ้วแม่จ้าววววว.....ไม่จองไม่ได้แล้ว  แต่ก็ด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่า เห้ย !! แล้วทำไมบินตรงมันถึงถูกจังแฮะ ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ไปนั่งหาใน Google ก็ไม่ค่อยเจอคนรีวิวเท่าไหร่  แต่ก็พอได้ใจความมาว่า ......

Condor Airlines เป็นสายการบินของเยอรมันส่วนมากจะมีไฟลท์บินในโซนยุโรป แต่เฉพาะในช่วง Winter season จะมี Direct flight ระหว่าง Bangkok-Frankfurt ในราคาที่ย่อมเยาว์มาก ๆ เมื่อเทียบกับ Thai airways และ Lufthansa เรียกได้ว่าถูกกว่าเกือบครึ่งเลย

Booking
ในไทยต้องจองผ่านเว็บออนไลน์ของสายการบินเท่านั้นค่ะ ยังไม่มี Agent ไหนเปิดรับจองเท่าที่ทราบมานะ คำถามยอดฮิตก็คือ ถ้าจองด้วยบัตรเครดิตและ Card Holder ไม่ได้ร่วมบินด้วย จะสามารถทำได้ไหม คำตอบคือ สามารถทำได้ค่ะ แค่แจ้งชื่อ Passenger ตามปกติแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาในการ Check-in แต่อย่างใดค่ะ  อันนี้ได้รับคำตอบโดยตรงจากอีเมล์ของสายการบินค่ะ เพราะฉะนั้นสบายใจได้ =)

บรรยากาศ
ภายในตัวเครื่องแบ่งที่นั่งเป็น 2-3-2 ที่ชอบมากคือที่นั่งกว้างและข่วงวางขายาวมาก เมื่อเทียบกับ TG ที่เคยบินรอบก่อน เราไม่รู้ว่าเราตัวเล็กไปรึเปล่า แต่เราคิดว่าเค้าออกแบบเก้าอี้มาเพื่อคนทางยุโรป คนที่นั่นก็นะตัวใหญ่ ๆ ทั้งนั้น 55555  ให้ความรู้สึกเยี่ยงนั่ง Business Class เลยทีเดียว อิอิ

อาหาร
แน่นอนว่าอาหารที่เสิร์ฟเป็นอาหาร western food เท่านั้น ไม่ได้มีให้เลือกเหมือน TG เราคิดว่าหลัก ๆ น่าจะเสิร์ฟเป็นจำพวกพาสต้า ขาไปนี่เจอเฟตตูชินี่ครีมซอสเส้นยาวยืด กินเลอะเทอะมากบวกกับความซุ่มซ่าม ทิชชู่ไม่พออ่ะ 55555  ขากลับดีหน่อยเป็นเส้นมะกะโรนี นอกนั้นก็เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังก้อน เนย ชีส ขนมปังแซนวิช และเค้กอีก 1 ชิ้น  สำหรับเราเราว่าโอเคนะ รสชาติก็ไม่ได้แย่มากบวกกับเป็นคนกินอาหารได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ขอแค่ไม่เผ็ดกินได้หมด

บริการ
แอร์เค้าก็น่ารักนะบริการดียิ้มแย้ม แต่ประโยคแรกนี่จะใส่เยอรมันมาก่อน 55555  ขำเรื่องนึงตอนที่เค้าเดินแจกเครื่องดื่ม นางจะถาม "Anything else" ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก จนกว่าจะบอกว่า No Thank you.  อยากกินอะไรทีเดียวหลาย ๆ แก้วก็จัดเลย วางให้เต็มโต๊ะ  555555

Entertainment
Condor จะไม่มีมอนิเตอร์ส่วนตัวเหมือน TG แต่จะมีมอนิเตอร์ตรงกลางเป็นช่วง ๆ สำหรับผู้โดยสารทุกคนสามารถเห็นได้ชัดเจน  ช่องเสียบหูฟังจะอยู่บริเวณที่วางแขนด้านขวามือ ถ้าเรามีหูฟังก็เอาออกมาเสียบได้เลยเพราะช่องเสียบเป็นแบบธรรมดา แต่ถ้าไม่มีแล้วอยากจะดูหนังต้องเช่าในราคา 4 ยูโร เราว่าแพงแล้วเท่าที่ดูหนังก็มีแต่เก่า ๆ ก็เลยนั่งหลับดีกว่า

ในส่วนของกระเป๋าที่สามารถโหลดขึ้นเครื่องได้ 20 กิโลกรัม ถือขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัม แต่ไม่แน่ใจราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มนะถ้าน้ำหนักเกิน เพราะตอนเราบิน 2 กระเป๋ารวมกัน 10 กิโลเอง ฮ่าาาาาาาาา


Thursday, February 20, 2014

Review : ICE train in Germany.



วันนี้จะแวะมีรีวิว ICE เจ้ารถไฟความเร็วสูงที่วิ่งระหว่างเมืองในเยอรมัน ความเร็วสูงสุดวิ่งได้ถึง 300km/hr เคยนั่งอยู่ 2 ครั้ง ครั้งแรกนั่งจาก Dresden ไป Weimar และครั้งที่ 2 นั่งจาก Erfurt ไป Frankfurt airport ราคาตั๋วคิดเป็นเงินไทยอยู่ประมาณ 2 พันกว่าบาท 

ในการซื้อตั๋วแต่ละครั้งเราจะไม่ได้เลขที่นั่ง สามารถขึ้นไปเดินหาและนั่งที่ที่ว่างอยู่ได้เลยบนตัวรถ แต่เพื่อความสบายใจยังไงชั้นก็ขอมีที่นั่งไว้ก่อน ก็ต้องเสียค่า Reservation Seat เพิ่มอีกถ้าจำไม่ผิดไม่เกิน 5 ยูโร แต่ถ้าเป็นช่วงคนน้อย ๆ ก็อย่าไปจองเลยเสียดายเงิน 55555  ลองไปดูสภาพด้านในตัวรถไฟกันบ้างดีกว่า ครั้งแรกที่เราขึ้นไปถึงกับร้อง อ่ะโหรยยยย ทำไมมันไฮโซจังวะ  ใช่สิ๊ ก็เอามาเทียบกะรถไฟบ้านเราก็ไฮโซะอยู่แล้ว   5555555555555555555555



บรรยากาศห้องโดยสาร เก้าอี้ก็มีหลากหลายสไตล์ทั้งแบบหันหน้า หันหลัง แบบมีโต๊ะตรงกลาง


ที่นั่งแบบมีโต๊ะคั่นระหว่างกลาง เบาที่นั่งนุ่ม ๆ มีที่รองศีรษะ


แม้กระทั่งทางเดินดูสิแก มีไฟแบบนี้หยั่งกะโรงแรมเลยแก ไฮโซนะจริง ๆ ฮ่าๆ ห้องน้ำก็สวยดีลืมถ่ายมา


นายแบบกิตติมศักดิ์เจ้าเก่า ^ ^

ในรถไฟมีร้านอาหารไว้สำหรับสั่งอาหารทานด้วย แต่ไม่เคยสั่งมากินนะคิดว่าน่าจะแพง ประตูภายในรถเป็นระบบเลื่อนเซนเซอร์  ช่วงทางเดินจากประตูรถเพื่อเดินเข้ามาในโซนที่นั่งจะมีชั้นวางขอข้าง ๆ ไว้ให้สำหรับคนที่พกสัมภาระมาเยอะหรืออาจจะเป็นกระเป๋าเดินทางก็สามารถวางไว้ตรงนั้นได้เช่นกัน สะดวกสบายดี  

เวลารถไฟวิ่งเราจะไม่ค่อยรู้สึกเลยว่ามันเร็วแต่มันวิ่งเร็วมาก ๆ ล่าสุดใช้เวลานั่งจาก Erfurt ไป Frankfurt อยู่ที่ประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ เท่านั้น หากขับรถไปเองนี่ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว สำหรับคนที่เดินทางบ่อยเค้ามีให้สมัครเป็น member ด้วยนะ ราคาตั๋วก็คงจะถูกลงอีกประมาณนึงหละ เราว่ามันสะดวกดีถ้าใช้เลือกใช้ในการเดินทางไปต่างเมือง ไม่ต้องขับรถให้เหนื่อย นั่งสบาย และปลอดภัยดี  =)


Review : Day 3-4 in Prague, Czech [August 2013]

วันที่ 3 นี่ต้องขอสารภาพเลยว่าแพลนทุกอย่างที่คิดไว้ล่มหมด ไม่ว่าจะเป็นเดินข้ามฝั่งไปชม Our Lady before Tyn  หรือหอนาฬิกาดาราศาสตร์ปราก Prague Astronomical Clock เนื่องจากหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก่อนจะออกเดินข้ามฝั่งไปเที่ยว ก็รู้สึกปวดหัวตะหงิด ๆ ขึ้นมาแต่ก็คิดว่ามันจะหายไป เลยฝืนเดินต่อจนข้ามไปถึงฝั่งโน้น สรุป ..... สรุปไมเกรนขึ้นต้องขอแฟนนั่งพักที่ร้านกาแฟ สุดท้ายวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ รู้ชะตากรรมตัวเองเลยต้องกับไปห้องและกินยานอนเท่านั้น แฟนแสนดีก็เดินออกไปหาซื้อยามาให้ บทเรียนสอนใจเลย ไปต่างประเทศให้พกยาโรคประจำตัวไปด้วยหรือแม้กระทั่งยาสามัญประจำบ้านทั่วไป เช่น แก้ปวดหัว ปวดท้อง พกไปเถอะ จะได้ไม่เสียใจแบบเรา   T^T

เอาละนะ .... จะอัพรูปเท่าที่ถ่ายได้ในวันนี้มาให้ดู


เราเดินทะลุ Park ตรงใกล้ ๆ โรงแรมไป ตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ไหวละแต่ฝืนไป ไม่ได้บอกแฟนนางก็ลั้นลาถ่ายรูป เฮ่อออ พูดแล้วรู้สึกผิด ทำนางอดเที่ยวไปด้วย


ร้านกาแฟสไตล์ดูไฮโซเชียว ไม่กล้าจะนั่ง 


สะพานนี้อยู่ใกล้โรงแรมมากกว่าขนานคู่กับ Charles Bridge รถโบราณสีแดงที่กำลังขับมาเป็นรถนำเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะนั่งชมเมือง จ่ายเป็นชั่วโมงแต่จำราคาไม่ได้ นอกจากนี้ก็มีรถนำเที่ยวอีกหลายประเภท รถเมล์ก็มีราคาถูกกว่าด้วย

หลังจากแค่ข้ามไปแล้วก็ข้ามกลับมานอนที่โรงแรมในเวลาไม่ถึงชั่วโมง กินยานอนสลบไปมาตื่นอีกทีก็ประมาณตอนเย็นแล้ว เกือบจะ 5 โมง แฟนก็เลยปลุกจะชวนไปหาอะไรกินที่ร้าน ๆ นึงนางหาข้อมูลไว้ วิวสวยต้องรีบออกไปก่อนจะมืด เดี๋ยวจะไม่เห็นวิว  เราก็ดีขึ้นมากแล้วหละเลยออกตะลอนต่อ



ร้านคุ้กกี้โฮมเมดเจอระหว่างทางเดินไปร้านอาหาร น่ารักอ่ะ แต่ไม่ได้ซื้อ ฮ่าาาาาา



เดินขึ้นมาเกือบถึงแล้ว สวยจริง ๆ ด้วยอ่ะ มองเห็นวิวกว้างไกลมาก แต่ต้องเดินขึ้นไปอีกนิดนึง


ถึงแล้วร้านอาหารของเราวิวสวย โต๊ะมุมดี แต่สภาพเราป่วยมากผิดกับเมื่อวานลิบลับ 55555


รูปนี้ตอนกินอิ่มแล้วเดินกลับโรงแรม เดินนำแฟนไปโน้นละ แฟนมัวแต่เอนจอยวิวถ่ายรูป แต่นางถ่ายรูปนี้ให้สวยนะ ชอบบ ^^

วันที่ 4 เราตื่นมาทานอาหารเช้ากันแล้วก็เตรียมตัวนั่งรถไฟกลับละ ขากลับนี่เซ็งมากรถไฟดีเลย์ 1 ชั่วโมงแทบจะนอนที่สถานีเลย ดีนะที่อากาศดีมีสนามหญ้าให้นั่งเล่น 






โชว์ตัวนายแบบ ค่าตัวแพงไม่ได้เอาออกมาโชว์บ่อย 55555555555555

จบแล้วทริประยะเวลาสั้นๆ  ในปราก จริง ๆ ระยะเวลาแค่นี้ก็สามารถเที่ยวได้เกือบทั่วแล้วนะ นั่งรถไฟกลับไปที่ Dresden เหมือนเดิม แล้ววันรุ่งขึ้นก็นั่งรถไฟจาก Dresden กลับ Weimar  

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม (มีคนดูเปล่าไม่รู้ 555) มีอีกหลายทริปในไทยที่อยากจะอัพ แล้วจะมาทะยอย ๆ อัพเดทให้ชมกัน สำหรับวันนี้ ..... บ๊ายยยยยยยย

Review : Day 2 in Prague, Czech [August 2013]

วันที่ 2 ใน Prague วันนี้แพลนของเราคือจะเดินขึ้นไปใช้เวลาทั้งวันบน Prague Castle เพราะข้างบนมีอะไรเยอะแยะมากมายให้ชม และกว้างมาก วันนี้อากาศกำลังดีไม่ร้อนไม่เย็น เลยได้ใส่ชุดแซ่บสุดโปรดไปตะลุยเมือง เราไปเริ่มต้นกันทางที่เราขึ้นไปเมื่อวานเพื่อที่จะเดินเข้าไปทางเข้าอาคารที่หนุ่ม ๆ เค้าผลัดเวรกัน ยังจำโพสต์ที่แล้วกันได้ใช่มั้ย ตามไปดูกันเลยจ้า


St. Vitus cathedral in Prague - ที่แรกที่พอเราเดินผ่านเข้าไปจะเจอโบสถ์สูงตั้งตระหง่านอยู่ด้านใน วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมาก ส่วนมากเป็นกรุ้ปทัวร์ ก็เลยต้องแหงนถ่ายรูปเสียดฟ้าไม่ให้ติดคนมาด้วย


แชะรูปคู่กันซะหน่อยหน้าประตู St. Vitus cathedral แต่เราไม่ได้เดินเข้าไปดูข้างในนะเพราะมันมันเสียตังค์ 5555 คือบนนี้สถานที่ส่วนมากต้องเสียเงินค่าเข้าชม เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวอ่ะเนาะ เราก็เลยเดินชมเชยอยู่ด้านนอกอย่างเดียว อีกอย่างถ้าจะเข้าไปคนก็เยอะเหลือเกิน เพราะว่าเป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยวจริง ๆ เมืองนี้


เดินเข้ามาถ่ายด้านข้าง ๆ โบสถ์ เห็นมั้ยนักท่องเที่ยวยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลย





ร้านขายของเล่นเป็นแนว Original Czech toy มีตั้งแต่สมัยก่อนเก่าจนถึงยุคปัจจุบัน อยากได้อ่ะแต่โดนลากออกมาก่อน 555


อดไม่ได้ที่จะไม่ถ่าย ฮ่าๆ จริงอยากเดินเข้าไปถ่ายรูปคู่ด้วย จะเรียกว่าเป็นอะไรดีอ่ะ ทหารหรอ เราก็ไม่แน่ใจอ่ะ แต่จะมียืนประจำการอยู่แบบนี้ทุกประตูทางเข้า-ออก


วิวจากบนนี้ช่างเลอค่าจริง ๆ มองลงไปคือเห็นทั้งเมืองด้านล่างเลย


ตรงนั้นคือสะพานที่คู่ขนานกับ Charles Bridge วิวตรงนี้มองเห็นไปถึงอีกฝั่งเลย เห็นโบสถ์คู่ตรงโน้นอยู่ลิป ๆ ฝั่งโน้นก็เป็น Old town เช่นกัน เป็นฝั่งที่หอนาฬิกาชื่อดังตั้งอยู่


ถ่ายเอียง ๆ มาทางฝั่งนี้หน่อย เห็นเสาหัวสะพาน Charles Bridge อยู่แว้บ ๆ ตรงนั้น



2 รูปนี้เป็นด้านในที่เดินเข้ามาจากฝั่ง St. Vitus cathedral พื้นที่กว้างมาก เป็นลานกว้าง ๆ และมีอนุสาวรีย์ น้ำพุ อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย นักท่องเที่ยวบางส่วนก็นั่งพักผ่อนหย่อนกาย อาบแดดกันอยู่แถวนี้ให้พรึบ 


หลังจากนั้นเราก็เดินกันออกมาจากโซน St. Vitus cathedral จะเจอ Park อะไรซักอย่างจำชื่อไม่ได้อีกแล้ว 555 มาเจอวิวด้านนี้ เห้ยสวยหว่ะ ตรงนั้นก็คือ St. Vitus cathedral นั่นเอง






 หลังจากที่ตระเวนเดินเที่ยวใน Park นี่แล้ว ซึ่งมันกว้างมาก จริง ๆ เรามโนกันว่าไอ่ Park เนี่ยมันต้องเดินไปเรื่อย ๆ ไปทะลุออก Prague Castle ที่เป็นวิวหน้าห้องเราได้ แต่พอเดินไปจนสุดดูเหมือนเราจะคิดกันผิดสินะ ฮ่าาาาาาา ก็เลยต้องเดินกลับเข้าไปที่ St. Vitus cathedral ใหม่จ้า เดินไปถามพี่ทหารชุดฟ้าที่ยืนหน้าหล่ออยู่ตรงประตูหน่ะหละ เห้ย !!! เค้าอนุญาตให้พูดได้นะถ้าไปถามเค้าอ่ะ เค้าก็บอกทางมาให้ว่า ต้องเดินไปอีกฝั่งนึงนะจ้ะมันถึงจะทะลุไป Prague Castle ได้  เล่นเอาซะเมื่อยตั้งแต่ใน Park ตะกี้ละ จะหมดแรง  (-_-'')  ก็เลยตัดสินใจไปหาร้านนั่งพักกันก่อนดีกว่า หอบกระหายกันมาก  เดินออกมาหน้าทางเข้าจะมีร้านนึงตั้งอยู่บนนั้นหละ มองเห็นวิวสวยจากร้านเลย


พักให้หายเหนื่อยกันก่อนละกันค่อยไปต่อ


แดดเริ่มร้อน ๆ แล้วเหมือนกันแฮะ

หลังจากนั่งดื่มน้ำแก้กระหายกันเสร็จปุ้บ ไม่รอช้าออกเดินทางต่อวันนี้เราต้องตระเวนบนนี้จนครบให้จงได้ 


เดินมาอีกทางตามที่พี่ทหารหนุ่มบอกก็จะเจอ เอ่อ .... อาคารนี่หละ อะไรก็ไม่รู้  ฮ่าาาาา



เดินมาถึงแล้วในส่วนนี้คือส่วนที่เรามองเห็นจากห้องโรงแรมนั้นเอง ต้นไม้เขียวชะอุ่ม ท้องฟ้าสีคราม ฟินนนนนนนนนนนนนนน


ขอแชะรูปคู่รูปนึงนะ (>_<)




มองลงมาข้างล่างทั้งเมืองเหมือนเป็นเมืองของเล่นเลย

เดินมาจะมาเจอทางเข้าเพื่อลงไปเยี่ยมชมสวน ๆ นึง ตรงนี้จะเป็นทางลงไปข้างล่างได้ และต้องเสียตังค์ค่าผ่าน แฟนเลยบอกตรงนี้เราจ่ายกันเถอะจะได้เดินลงไปได้ จะให้เดินกลับไปทางเดิมไม่ไหวอ่ะ ฮ่าาาา





รูปส้ม ๆ ตรงนั้นไม่ใช่แผนที่นะแต่เป็นนาฬิกาแสงอาทิตย์ ตั้งแต่สมัยไหนก็ไม่รู้ ใช้งานยังไงก็ไม่รู้ ฮ่าา


เดินลงมาจนถึงข้างล่างจะเจอสวนเล็ก ๆ เป็นที่นั่งพักผ่อนได้ หลังจากเดินขึ้นเขากันมา 555


มีร้านอาหารด้วย สไตล์น่านั่งมาก แต่ไม่ได้นั่ง เดินผ่าน .......

จบไปแล้วครึ่งค่อนวันกับ Prague Castle คราวนี้เราเดินกันต่อไปที่ Charles Bridge (อีกแล้ว) ฮ่าาาาา ช่วงเวลานี้คนเยอะกว่าเมื่อวานเรียกว่าหนาแน่นได้เลย แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเบียดเสียดกันไป เอาวิวโดยรวม ๆ มาให้ดูละกัน








เค้าบอกว่าเอามือลูบ ๆ ตรงนี้แล้วจะโชคดี =)



วันนี้เราเดินข้ามไปถึงอีกฝั่งเพื่อเดินไปดูในเมืองฝั่งโน้นบ้างว่ามีอะไร โดยรวมแล้ว 2 ฝั่งก็ไม่ต่างกันมากนัก มีร้านอาหารและสินค้าพื้นเมืองขายกันเต็มไปหมด นักท่องเที่ยวก็เดินกันให้ว่อนเช่นกัน ฝั่งนี้ก็ยังมีสถานที่เที่ยวสำคัญดัง ๆ ที่เป็น Signature ของ Prague ให้เดินอีกค่อนข้างเยอะทีเดียว


ช่วงนี้ร้านไอติมขายอยู่เยอะแยะมาก ส่วนมากเป็นไอติมโฮมเมดมีให้เลือกหลายรสแปลก ๆ ดี



Our Lady before Týn - โบสถ์ชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต้องมาอีกโบสถ์นึง แต่วันนี้เรายังไม่ได้เดินไปกะจะค่อยเข้าไปดูพร้อม ๆ นาฬิกาในวันที่ 3 


ดูคนสิหยั่งกะหนอนนนนน เยอะแยะมากแล้วก็ชอบมานั่งผึ่งแดดกัน 5555


ถ่ายรูปกลับไปจากฝั่งที่เราเดินมา เห็นโบสถ์ตรงนั้นมั้ย จำกันได้มั้ยจ้ะว่าโบสถ์อะไร


ตรงนี้น่าจะเป็น University อะไรซักอย่างนะ ตอนเราเดินไปเห็นนักศึกษารวมตัวกันประชุมอยู่ตรงหน้าบันไดท้าแดดกันเลยทีเดียว แบบนี้ในประเทศไทยทำไม่ได้นะจ้ะ ไหม้จ้ะ 5555555




 หมดแล้วสำหรับวิวช่วงกลางวันที่เราเดินตระเวนกัน ขอบอกว่าเหนื่อยมาก ๆ เดินขาลากกลับโรงแรมกันทั้งคู่เลย แต่ก็มิวายนะหยุดพักกันได้แปปเดียวแค่นั้นหละ พอฟ้าเริ่มมืดออกมากันอีกแล้วจ้า 555555  เวลาไปเที่ยวเรา 2 คนพยายามจะหาอะไรที่เป็นพื้นเมืองของเค้ากิน ซึ่งพื้นเมืองที่นี่คือสไตล์โบฮีเมีย เราเลยเดินไปเจอร้านนึงเข้า น่าสนใจมาก


อาหารพื้นเมืองเลยนะเนี่ยแต่จำชื่อไม่ได้ 5555 ไม่ใช่อาหารจานหลักนะเป็นแค่ซุปเรียกน้ำย่อย ซุปถูกเสิร์ฟมาในขนมปัง รสชาดออกเปรี้ยว ๆ อร่อยดีนะ พอกินซุปเสร็จขนมปังก็กินได้ต่อ แต่เราไม่ได้ซัดหมดนะเดี๋ยวจะกินจานหลักไม่ไหว แทะ ๆ แค่ฝา ^^  ขอลาไปพร้อมรูปนี้สำหรับโพสต์นี้เลยละกัน เจอกันโพสต์หน้า Day 3 จ้า ...... บ๊ายยยยยย