Friday, December 4, 2015

Review : LAOS [DAY 1]

ตอน . . . . ตะลุย "นครเวียงจันทน์"




ต่อจากตอนที่แล้ว....กว่าเราจะมาถึงเวียงจันทน์ใช้เวลาประหนึ่งบินข้ามไปยุโรปกันเลยทีเดียว แต่อย่างที่บอกว่าเวียงจันทน์เป็นแค่เมืองที่จะหยุดพักเท่านั้น ยังไม่ใช่เป้าหมายของทริปนี้ซะทีเดียว แต่ถึงกระนั้นยังไงเราก็มาเหยียบถึงนี่แล้วใช่ปะ มันก็ต้องทัวร์กันซะหน่อย

เป้าหมายที่เราจะมุ่งหน้าตรงไปวันนี้ก็คือ "ปะตูไซ"  อ่านเป็นไทยก็ "ประตูชัย" นั่นแหละ เรานัดเจอกันหน้าห้องเวลาประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง เตรียมออกเดินตีน 55555 ทริปประหยัดก็งี้ มุ่งหน้าโดยพึ่งพาเจ้า GPS ในสมาร์ทโฟน เท่ฝุด ๆ ไปเลยลวกเพ่




ระยะทางจากโรงแรมที่เราพักห่างจากประตูชัยไม่มากตามที่ท่าน GPS ได้บอกกล่าวเราไว้ แต่เอาจริง ๆ แม่งไกลหว่ะ เดินลัดเลาะเข้าซอยเล็กซอยน้อย เล่นซะงง 



แต่ข้อดีของการเดินไปเรื่อย ๆ มันก็มีนะแก คือเราก็เดินชมวิวทิวทัศน์ เดินดูความเป็นอยู่ของประเทศเค้าว่าเป็นยังไง บ้างช่อง ถนนหนทางไรงี้  ข้อเสียมีอยู่อย่างเดียว แดดโคตรร้อน 5555 

โดยรวมถือว่าก็คล้าย ๆ กับประเทศเราเนี่ยแหละ แต่ที่ต่างอยู่อย่างเดียวคือเค้าจะขับรถชิดขวากัน เดินข้ามถนนที่นี่ก็ต้องระวังกันหน่อย มองให้ถูกทาง





ภาษาลาวเอาจริง ๆ คล้ายภาษาไทยมาก ถ้าตั้งใจอ่านจริง ๆ ก็สนุกดีพออ่านออก พูดคุยกับคนลาวภาษาไทยได้เลย บางคนก็ฟังออก บางคนก็พูดได้คล่องเลย การเขียนอาจจะต่างกันบ้างในบางคำ แต่การออกเสียงนี่เหมือนกันนะ อย่างคำว่า "ยุด" เงี้ย มันก็คือ "หยุด" บ้านเราเนี่ยแหละ แล้วก็อ่านว่า "หยุด" เหมือนกัน



ป้ายนี้ก็ฮาอยู่นาน ประตูทางเดียวกัน ขับออกก็เรียกทางออก ขับเข้าก็เรียกทางเข้าจ่ะ


ระหว่างทางที่เดินอยู่ก็แอบแวะร้านขายของชำข้างทาง โอ้โห หิวมากเจอตู้ขายไก่ย่าง 5 ดาว แวะเข้าไปโซ้ยไก่จ๊อกันคนละไม้ 2 ไม้  คือมันร้อน หิว ไม่ไหวจริง ๆ ต้องพัก  แถมใช้เงินบาทจ่ายเค้าด้วย ยังไม่ได้แลกเงินกีบกันซักคน กะไปแลกเอาดาบหน้า 55555

หลังจากที่เราเดินต่อกันไปอีกนิด ก็เริ่มเห็นเงาลาง ๆ ของประตูชัยกันละเห้ย ข้ามถนนเส้นนี้ไปก็ถึงละ ไม่เสียแรงที่เชื่อใจเจ้า GPS จริง ๆ ณ จุดนี้ก็ต้องขอขอบคุณไปยังไก่จ๊อไม้นั้นด้วยที่มาขายที่ลาว 



กว่าจะเดินไปถึงประตูชัยก็เย็นมากละอีกแปปนึงพระอาทิตย์ก็คงตก ที่นี่เป็นเหมือนสวนสาธารณะที่คนแถวนี้จะมานั่งเล่นกันซะส่วนใหญ่ บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างมีน้ำพุอยู่ด้านหน้าสวนที่เราข้ามถนนมาเจอ แล้วเดินเข้าไปด้านในต่ออีกนิดก็ถึงประตูชัย






เห็นรูปร่างประตูชัยก็อดคิดไม่ได้ถึงแนวสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับประตูชัยของปารีสเนอะ เท่าที่อ่านมาเค้าบอกว่าประตูชัยที่ลาวเนี่ยได้รับอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมมาจากประตูชัยที่ปารีสนั่นแหละ แต่ด้านในที่เป็นรูปปั้นและด้านบนจะต่างกันเล็กน้อย ก็ตามวัฒนธรรมของชาตินั้น ๆ 




ที่นี่ก็เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวเมืองกันด้านบนยอดประตูชัยได้เหมือนกับที่ปารีส แต่วันที่ไปกันมันตรงกับวันหยุดเค้าก็เลยปิด ก็แอบเสียดายเล็ก ๆ เหมือนกัน ไปถึงขนาดนี้ละแต่อดขึ้น



พวกเรานั่งเล่น + กระโดดถ่ายรูปเล่นกันอยู่พักใหญ่จนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ก็เริ่มเดินออกหาของกินกันดีกว่า เราเดินมุ่งหน้าเพื่อไปหาของกินกันริมน้ำโขง ท้องร้องดังมากกกกกกกก



เดินมาเรื่อย ๆ เห้ย! เดินผ่านวัดสีสะเกดที่ตั้งใจจะแวะด้วยแต่คือมืดแล้ว อดเลย ได้แต่ถ่ายรูปไว้เป็นความทรงจำละกันนะรอบนี้ 




สุดท้ายมาลงเอยกันที่ร้านปาจุ่ม ส้มตำโคตรหร่อยเบยยยยยยยยยยย แนะนำ ๆ  ปลาร้านี่จะนัวไปไหน ซัดกันโฮกฮากราคาน่าคบ กินเสร็จก็ไปเดินเล่นตลาดนัดริมโขงอยู่พักใหญ่ ก่อนจะกลับไปนอนพักร่าง เพราะวันรุ่งขึ้นเราเตรียมจะบุก "วังเวียง"



ตอนนครเวียงจันทน์ก็คงจะจบเท่านี้แหละ สถานที่ท่องเที่ยวอย่างประตูชัยก็ถือว่าใครไม่ไปแวะไปนี่เรียกว่ามาไม่ถึงลาว ก็ลองแวะมาเที่ยวกันดู เป็นอีกหนึ่งทางเลือกก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยววังเวียงหรือหลวงพระบางต่อก็ได้  ไว้เจอกันต่อตอนหน้าของพระเอกทริปนี้ "วังเวียง"

ขอบคุณที่ติดตาม

ส วั ส ดี :-) 

Saturday, June 20, 2015

Review : BKK - LAOS


ตอน....กว่าจะถึงเวียงจันทน์

ทำไมต้องไปลาว ?
มีประกาศหยุดต่อเนื่อง 5 วัน (30 Apr - 5 May) มีรึจะพลาดเที่ยว อ่าวเฮ่ย !!! ไปเที่ยวกันมั้ยเฮ่ยยยยยย ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ต้องเป็นนอกประเทศ ต้องเป็นประเทศเพื่อนบ้าน เลยไปลงเอยที่ " วังเวียง "  ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของทริปนี้

แพลนคร่าว ๆ ถูกร่างไว้ใน Excel แบบง่าย ๆ เส้นทางดังนี้

BKK - Vientiane - Vangvieng - Udon Thani - BKK

การร่างแพลนคร่าว ๆ แบบนี้มีผลกับการล่อเพื่อนร่วมทางให้ติดกับ 5555




การเดินทาง
การเดินทางไปวังเวียงเนี่ยมีเยอะมาก 
1. นั่งรถทัวร์ไปลงอุดร ต่อด้วยรถอุดร-วังเวียง ตอนเช้า ซึ่งจะมี 1 เที่ยวต่อวันเท่านั้น 
2. นั่งรถทัวร์ไปลงหนองคาย ต่อรถอุดร-หนองคาย-วังเวียง ซึ่งมันก็รถคันเดียวกับที่ออกมาจากอุดร
3. ถ้าจะแวะพักก่อนก็ข้ามไปแค่เวียงจันทน์ พักซักคืน แล้วค่อยต่อรถไปวังเวียงก็ได้เหมือนกัน

ซึ่งการเดินทางในรอบนี้เราเลือกไปลงที่หนองคาย โดยจองรถไฟตู้นอนปรับอากาศออกจากกรุงเทพฯ 2 ทุ่ม และจะไปถึงหนองคายประมาณ 07.45 ออกเดินทางกันหลังเวลาเลิกงาน ถ้านั่งรถทัวร์ไปคงเมื่อยน่าดู  อ่อ อีกอย่างรถไฟเค้าก็มีปลั๊กไฟไว้ให้บริการด้วยนะจ้ะ ไม่ต้องกลัวแบตโทรศัพท์หมด

แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ ทริปนี้บอกเลยมีเซอร์ไพรส์ตลอด เรา 4 คนนัดเจอกันหลังเลิกงานที่สถานีรถไฟบางซื่อ 1 สายเหนือ-อีสาน เดินทางจากกรุงเทพไปหนองคาย ด้วยรถไฟนอนปรับอากาศขบวน 69  และนี่คือฉากแรกของชีวิต SLOW LIFE 


ก้าวขึ้นรถไฟเดินหาที่นั่งตามตั๋วกันเรียบร้อย พนักงานรถไฟก็เริ่มมากางเตียงให้พวกเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จัดการเช็ดหน้า แปรงฟัน เปลี่ยนชุดเตรียมนอน เตรียมตื่นมาพบกับหนองคายตอนเช้า ทุกคนยังดีดกันอยู่  ยังไม่รู้สินะว่าพรุ่งนี้จะเจอกับอะไร หึหึ


เส้นทางรถไฟสายอีสานเป็นอะไรที่รถเหวี่ยงมาก ถามว่าได้นอนบ้างมั้ย ก็ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่หรอก 
แต่อย่างน้อยก็ไม่เมื่อย ไม่ร้อน ไม่เหนียวตัว ...... ตอนเช้ารู้สึกตัวเพราะแสงอาทิตย์ส่องตา ลุกขึ้นมา พร้อมถามเพื่อนว่า "ที่นี่ที่ไหนวะ" สรุปได้ความว่า  - รถช้า 2 ชั่วโมง -  ได้แต่ปลอบเพื่อนว่า เห้ย ไม่เป็นไร พวกเราไม่รีบ ยังไงก็เช็คอินตอนเที่ยง .....  นอนชมวิวต่อ









นอนเล่นกันจนท้องเริ่มร้อง ก็เรียกพนักงานมาพับเก็บเตียงให้เป็นที่นั่งชมวิวกันต่อไป ลุกขึ้นไปต่อแถวล้างหน้า แปรงฟัน  ตรงอ่างล้างหน้าที่ไว้บริการตรงบริเวณทางเชื่อมโบกี้รถ



หลังจากนั้นก็มีพนักงานมารับออเดอร์อาหารเช้า เค้าบอกว่าทำขึ้นมาเฉพาะกิจเลย เพราะไม่คิดว่ารถจะช้าขนาดนี้ ผู้โดยสารคงหิว อาหารเช้าจะเป็นเซตข้าวต้มหมู ผลไม้ กาแฟ น้ำผลไม้ ชุดละ 100 มั้งถ้าจำไม่ผิด รสชาติก็โอเค อีกอย่างให้มาเยอะมากกินไม่หมด




ประมาณเกือบ 11 โมงก็ได้ยินเสียงประกาศว่ารถไฟกำลังจะเข้าสถานีอุดร เหยยย ดีใจมาก เพราะว่าใกล้ถึงหนองคายแล้ว เปิด GPS เช็ค อีกประมาณ 2 สถานี  เอ้าดีดจ้าดีด เตรียมตัวเปลื้องชุดนอนเปลี่อนเป็นชุดลำลองกันให้ไว




ที่นี่สถานีหนองคาย !
เสียงรถด่วนขบวนสุดท้ายยยย  ไม่ใช่ !  ที่นี่สถานีหนองคาย ที่นี่สถานีหนองคาย ท่านผู้โดยสายที่ประสงค์จะลงสถานีหนองคาย ......  กรี๊ดดดดดดดดดดด  Finally!!! ก็ได้เหยียบแผ่นดินหนองคายแล้ว เรากลับมาดีดกันอีกครั้ง  ความรู้สึกจะได้เหยียบแผ่นดินลาวเข้าใกล้มากขึ้นทุกที




หลังจากดีดกันอยู่พักนึง เริ่มมองหน้ากันว่าต้องเดินไปทางไหน? ก็เลยเดิน ๆ ตามคนไปออกไปทางด้านหน้าของสถานีรถไฟ ก็จะเจอเหล่ารถตุ๊ก ๆ จอดเรียงรายให้เราเลือกสรร ก็เดินเข้าไปต่อราคากันตามอัธยาศัยจ่ะ


เรา: ลุง ๆ ไปขนส่งเท่าไหร่จ้ะ ?
ลุง: 60 บาท
เรา: เฮ่ยยย ขึ้นรถถถถถ



ขนส่งหนองคายกับ 4 สหายผู้หิวโหย
เมื่อรถตุ๊ก ๆ ของเราจอดเทียบท่า ณ ขนส่งหนองคาย สิ่งแรกที่มองหาคือ ตู้ขายตั๋วไปเวียงจันทน์ รถที่เราจะนั่งเป็น บขส ของฝั่งไทยที่จะวิ่งข้ามฟากไปเวียงจันทน์ ซึ่งจะมีทุก ๆ 2 ชั่วโมง 




การซื้อตั๋วรถต้องใช้ Passport ด้วย สำหรับคนที่ไม่มีสามารถทำ Border pass ใช้ข้ามฟากไปเวียงจันทน์ได้เหมือนกัน แต่จะอยู่ได้แค่ 3 วัน และจะไปเมืองอื่นไม่ได้ วังเวียงก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นหากต้องการจะต่อไปเมืองอื่น ๆ ก็ไปทำ Passport กันให้เรียบร้อย เที่ยวแบบถูกกฏหมายจะดีกว่านะจ้ะ  สำหรับค่าตั๋วเสียหายกันไปคนละ 60 บาท (ปกติราคา 55 บาท แต่เราเดินทางนอกเวลาราชการคิดเพิ่มอีก 5 บาทเป็นค่าล่วงเวลา)




รถของเราเป็นเที่ยว 12.40 มีเวลาเหลือเฟือเลยเดินหาของกินรองท้องแถว ๆ บขส. แต่ร้านส่วนใหญ่ก็ปิดอีกเพราะว่าเป็นวันหยุดยาว ก็เลยไปลงเอยกันที่ร้านอาหารตามสั่ง ตามร้านอาหารแถวนี้เราจะเริ่มเห็นกะปิวางบนโต๊ะเป็นเครื่องปรุงละ 


12.40 รถอยู่ไหนวะ ????  รถก็เลทตามระเบียบ เค้าบอกว่าช่วงวันหยุดนี้คนข้ามไปเที่ยวฝั่งลาวเยอะ รถเลยไปช้าอยู่ตรงด่านข้ามประเทศกัน รถมาเทียบท่าประมาณเกือบบ่ายโมง รีบวิ่งขึ้นไปจับจองที่นั่ง



รถออกจาก บขส มาสักระยะ ขับเลี้ยวขวาตรงแยกสะพานมิตรภาพไทย-ลาว มุ่งหน้าตรงไปที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวที่เราจะข้ามไปเวียงจันทน์กัน วันนี้อากาศดี๊ดี  ดีเกิน ร้อนมากกกก  พอถึง ต.ม. ฝั่งไทยก็ต้องย้ายก้นลงจากรถ เพื่อไปเขียนใบขาออกประเทศ และผ่านด่านคนออกจากเมือง 5555 ตอนนี้ยังอยู่ฝั่งไทยอยู่นะ




ตรงที่มีฝูงชนมุง ๆ อยู่ตรงนั้นคือจุดที่เขียนใบ ต.ม. กันอยู่นั่นเอง บางคนเห็นงง ๆ ว่าเขียนยังไง คือเวลาเราได้มาเนี่ยมันจะเป็นใบคู่กันคือ ใบขาเข้า ใบขาออก เพราะฉะนั้นตอนนี้เราจะออกนอกประเทศให้เราเขียนเฉพาะส่วน " ใบขาออก " ส่วนใบขาเข้าให้เก็บเอาไว้ใช้ในวันที่กลับเข้าประเทศไทยจ่ะ พอเขียนเสร็จปุ้ป ก็ให้เดินเข้าไปในตัวอาคารเพื่อผ่านด่านตรวจและประทับตราออกจากราชอาณาจักรไทยจ่ะ รถของเราก็จะขับไปรอเราอยู่อีกด้าน เสร็จสรรพก็เดินขึ้นรถเพื่อข้ามไปฝั่งลาว




รถขับข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวมา ตรงนี้แม่น้ำที่เราเห็นก็คือแม่น้ำโขงที่กั้นอาณาเขตไทยและลาวออกจากกัน ขับรถไปไม่นานเราก็ถึงฝั่งลาว และจุดที่เราต้องลงถัดไปคือ ด่านตรวจคนเข้าประเทศลาว 






การเดินทางออกนอกประเทศด้วยรถมันลำบากแบบนี้ !!!!  ต้องขึ้น ๆ ลง ๆ รถหลายรอบมาก เราเสียเวลากับตรงด่านคนเข้าเมืองของลาวกันอยู่พักใหญ่ เพราะคนเยอะมาก


เริ่มแรกต้องลงไปต่อแถวซื้อ One way ticket กันก่อน 
(เวลาราชการ 5 บาท , นอกเวลาราชการ 45 บาท)


หลังจากได้ One way ticket แล้วก็เดินไปต่อแถวยื่น Passport เพื่อประทับตราตรง ต.ม. 


พอผ่านการประทับตราเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว 
ให้เราเอา One way ticket ที่ซื้อมาสอดแล้วเดินผ่านประตูมาได้เลย


จบกระบวนการเข้าลาวเรียบร้อยแล้วเราก็เดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ เดี๋ยวจะไปลงที่ บขส เวียงจันทน์


พอเริ่มเข้าเขตลาวรถก็เปลี่ยนไปวิ่งเลนส์ขวาแทน ใช้เวลาจากด่าน ต.ม. ประมาณ 30 นาทีจนถึง บขส. เวียงจันทน์ จากรูปเลี้ยวขวาแยกนี้ก็ถึงละ


หลังจากเดินลงจากรถแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามข้อมูลที่ศึกษามาคือ จะมีชาวสกายแลปมาเดินถามว่าไปไส ไปไส กันให้รึ่มเลย ก็สอบถามราคา ต่อราคากันตามอัธยาศัย  พวกเราก็ขึ้นรถสกายแลปเหมาคันมาเหมือนกัน เปิดจาก GPS ก็ไม่ไกลมากนักจาก บขส ใช้เป็นข้อมูลในการต่อรองราคาได้ เอ้า!!! ใกล้ถึงความจริงแล้วเฮ่ย


แหมม สายไฟนี่สวยไม่แพ้ในกรุงเทพฯ เลยนะจ้ะตัวเธอ



ตอนแรกเปิด GPS เพื่อนว่าเฮ่ย ใกล้ ๆ เว่ย ไม่ไกล แต่พอรถขับออกมาดูเหมือนจะไม่จอดซักที เออ...เราก็เริ่มเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่ามันไม่ใกล้ละ 555555555555  ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 15 นาทีเราถึงที่พักที่จองไว้ผ่าน Agoda ชื่อโรงแรม " วิลล่า ลาว "

ที่พักของเรา " วิลล่า ลาว "
เรื่องที่พักนี่ดราม่ามาก คือดูจากรีวิวรูปโอเค คนรีวิวไว้ก็โอเค แต่พอมาเจอดันได้ห้องที่ไม่ตรงกับรูปที่จองใน Agoda เดินเข้าไปในห้องนี่เงิบมาก เป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ประหนึ่งม่านรูด รีบขอเปลี่ยนห้องโดยฉับพลัน พนักงานให้เหตุผลว่าโรงแรมกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง เหยยย...มันใช่เหตุผลที่ให้ห้องนี้หรอแก  สรุปพนักงานเลยให้พักห้องที่นอนได้ 3 คน คือมีเตียงใหญ่ 1 เตียงเล็ก 1 ห้องกว้างหน่อย ก็ยังโอเควะ  เอาหน่ะ นอนคืนเดียว  










หลังจากเปลี่ยนห้องกันจนหนำใจ ต่างกันต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำเตรียมตัว เพื่อไปลุยต่อ !!! ใช่แล้ว ลุยต่อในเมืองเวียงจันทน์กันเลย มาเที่ยวทั้งทีใครเค้านอนกันละคะคู๊ณณณณณ  นัดกันหน้าโรงแรม 3 โมงเย็น ทุกคนยังมีฮอร์โมนดีดหลงเหลืออยู่ 



สิริเวลาโดยรวมกว่าจะถึงเวียนจันทนมากกว่า 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว 555+  เดี๋ยวตอนหน้ามาต่อกับตอน....ตะลุยเมืองหลวง "เวียงจันทน์"