ก่อนวันบินกลับไทย . . . ช่วงเช้า
เรากับแฟนขับรถจากบ้านไป Erfurt เพื่อไปจองตั๋วรถไฟ ICE ไปแอร์พอต เพราะวันที่เราต้องบินกลับนางลางานไว้แค่ครึ่งวันเช้า ครึ่งบ่ายนางติดประชุม ก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมเราต้องนั่งรถไฟไปเอง จริง ๆ มันก็สะดวกด้วยนะจากบ้านไป Erfurt แค่ประมาณ 20 นาทีเอง ถ้าต้องขับรถไปแฟรงเฟิร์ตก็ประมาณ 4 ชั่วโมงแหนะ อ่ะ! ถึงตอนจองตัวนางก็จองตัวแบบจองที่นั่งให้ด้วยนะ (ICE ถ้าตีตั๋วราคาปกติจะไม่มีการระบุที่นั่งให้ ถ้าจะจองที่นั่งหากเรากลัวว่าจะไม่มีที่นั่งก็ต้องเสียค่าจองเพิ่ม) ด้วยความที่นางรู้ในความเซ่อซ่าของแฟนและเป็นห่วงกลัวคนจะเยอะเดี๋ยวแฟนไม่ได้นั่ง จองตั๋วเสร็จสรรพก็ขับรถกลับบ้าน
ก่อนวันบินกลับไทย . . . ช่วงเย็น
มื้อเย็นป๊ากับม๊าก็ขับรถมารับพาไปกินข้าวนอกบ้านเป็นมื้อเลี้ยงส่ง นั่ง ๆ กินกันอยู่ป๊าก็ถามแหละว่าพรุ่งนี้กลับยังไง แฟนก็บอกจองตั๋วรถไฟไว้แล้ว ป๊าก็บ่น ๆ ใส่นางนะที่ไม่ยอมไปส่งที่แอร์พอต แล้วก็หันกลับมาถามนี่ว่า โอเคมั้ย กลับได้มั้ย .... นี่ก็บอกว่า ได้ค่ะป๊าไม่มีปัญหา สบายมาก ทุกคนต่างก็เป็นห่วงในความเซ่อซ่าของนี่มาก นี่ก็ยังมั่นใจอยู่
ไปขึ้นรถไฟกันเถอะ . . .
ขับรถออกจากบ้านประมาณ 8 โมงครึ่งเพื่อไปขึ้นรถไฟ แฟนก็ย้ำนักย้ำหนาระหว่างรอรถนะ "เนี่ย รถไฟจอดปลายทางที่แอร์พอตเลยนะ อย่าลงที่สถานีไหนเลยนะ มันจะผ่านประมาณ 3-4 สถานีก่อนนะ" บลา บลา บลา นางก็ยืนบ่น ๆ ของนางไป นี่ก็ด้วยความมั่นใจ โหยยย เธอ เออน่า รู้น่า ไม่หลงหรอก นี่! เป็นไงมั่นใจซะ ในใจก็นึกรำคาญนางบ่นทำไมนักหนา โอ่ยยย นี่โตแล้ว .......
Hallo! ICE . . .
พอรถไฟมาแฟนก็อดไม่ได้ที่จะย้ำใส่อีกรอบว่า ไปลงปลายทางนะ ! ถึงแล้วโทรบอกด้วย ! โบกมือลาด้วยหน้ายิ้ม ๆ พอเดินขึ้นไปบนรถไฟก็เอากระเป๋าวางบนชั้น แล้วก็เดินไปหาที่นั่งที่จองไว้ อ่าว .... มีลุงคนนึงเค้านั่งที่ชั้นอยู่นี่หว่า ไม่กล้าบอกอีก สรุปก็เลยนั่งตรงข้ามกับลุงไปนั่นหละ
ระหว่างทางก็นั่งชมวิวไปเนอะ รถก็จอดอยู่ประมาณ 3 สถานีมั้งแล้วก็นั่งหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเพราะได้ยินเสียงประกาศว่า แฟรงค์เฟิร์ต แฟรงค์เฟิร์ต นี่ก็นึกในใจ เห้ย ! ถึงแล้วนี่หว่าก็ไม่เห็นจะยากเลยไอ่การนั่งรถไฟมาคนเดียวเนี่ย เตรียมพร้อมที่จะลง
Where am I ? . . .
เดินถือกระเป๋าลงมาจากรถไฟ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวทันที
- เอ้ะ! ทำไมมันเป็นชานชาลาหละ . . . # อ๋อ สงสัยต้องเดินลงไปข้างล่าง
- เอ้ะ! ทำไมรถไฟวิ่งไปต่อวะ . . . # อ๋อ คงไปกลับหัวละมั้ง
- เอ้ะ! ทำไมคนลงไม่หมดรถวะ . . . # ตอนนี้เริ่มกลัว ๆ ละ
สถานีที่ลงผิด แฮ่ ๆ
ซักพักเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนึงพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เห้ย! คนนี้ต้องไปแอร์พอตแน่ ๆ เดินตามเลยจ้างานนี้ เดินลงมาจากชานชาลาปุ้ป อ้าว! อีผู้ชายคนนั้นเดินขึ้นอีกชานชาลานึง สรุปว่านางต่อรถไฟ ตายละงานนี้ คิดในใจนี่ชั้นอยู่ที่ไหนวะ ยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงกลางทางเดินเลยตัดสินใจเดินออกไปทางขวา อ่าว! ถนน อ่าว! ป้ายรถเมล์ ไหนแอร์พอตวะ ???????
ไม่เป็นไรอาจจะเดินมาผิดทาง ก็เลยเดินไปทางออกอีกฝั่ง อ่าว! ถนน ไหนแอร์พอตวะ ???? ตอนนั้นนึกในใจ ซวยแล้ว ลงผิดสถานีแน่ ๆ เห็นตู้ Information เลยเดินไปถามเค้าว่า ไปแอร์พอตยังไงคะ นางก็จิ้ม ๆ ที่คอมแปปนึงแล้วหันมาบอกว่า เดี๋ยวไปรอรถเมล์สาย 61 นะ ห้ะ !!! ขึ้นรถเมล์หรอ !!!!!
เดินลากกระเป๋าด้อกแด้กไปรอรถเมล์ที่ป้าย โชคดีอย่างนึงที่ระบบขนส่งสาธารณะที่นี่เค้าดี มีป้ายบอกชัดเจนว่ารถสายไหน ขึ้นฝั่งไหน จะมาภายในกี่นาที นี่ก็ไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์ใจก็ลังเลว่า เอ...่จะขึ้นรถไปแอร์พอตเลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือจะโทรบอกแฟนดีว่าหลงทางอยู่
Here it is Frankfurt südbahnhof
สรุป...ด้วยความกลัวว่าจะหลงไปยิ่งกว่านี้ก็เลยตัดสินใจโทรหาแฟนก่อนจะขึ้นรถเมล์ เพราะตอนนั้นประมาณเที่ยง ไฟลท์ บ่าย 3 โมงกว่า โทรไป ตู้ดดดดด .... แฟนรับทักทายเสียงใสเลยนะ "ถึงแล้วใช่มั้ย" ได้แต่อ้ำอึ้งและบอกว่า " เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน - - " เท่านั้นหละจ้า โดนนางบ่นใส่เป็นหางว่าวเลยจ้า
นี่ก็ยอมรับผิดแต่โดยดีบอกว่า เนี่ยกำลังรอรถเมล์อยู่จะไปแอร์พอตแล้วไปถาม Information มา นางก็ไม่ยอมบอกว่าให้เดินไปหา Information อีกรอบเดี๋ยวจะคุยเอง สรุปว่าไอ่ที่เราลงมาเนี่ยมันคือสถานีแฟรงค์เฟิร์ตใต้ แต่สถานีแอร์พอตคือสถานีต่อไป เราลงก่อนนั่นเอง แหม่ . . . ก็ได้ยินอะไรแฟรงค์เฟิร์ต ๆ ก็นึกว่ามันใช่นี่หว่า
ด้านหน้าสถานี ตรงข้ามคือป้ายรถเมล์ที่มายืนรอ
Bus no.61 . . .
หลังจากฟังแฟนบ่นใส่หูเสร็จก็ไปยืนรอรถเมล์ที่ป้าย ระหว่างที่รอก็เหลือบไปเห็นตู้ซื้อตั๋วรถเมล์อยู่หลังป้าย ตู้ใหญ่มากไม่เหมือนกับตู้ที่เคยซื้อที่เดรสเดน พอดีมีป้าคนนึงแกเดินมาซื้อพอดีก็เลยเดินเข้าไปถามแกว่า "ตู้ซื้อตั๋วรถเมล์ใช่มั้ยคะ?" เดชะบุญ แกพูดภาษาอังกฤษได้ แกเลยบอกว่า "ใช่จ้ะ แต่หนูไปซื้อบนรถกับคนขับก็ได้นะ" พร้อมยิ้มหวานให้ เหยยยย...นี่ก็ใจชื้นขึ้นมาอีกนิด เดี๋ยวไปซื้อบนรถละกันวะ
พอรถเมล์มาจอดที่ป้าย (ตามเวลาเป้ะ) เดชะบุญอีกรอบ ! คุณป้าที่คุยด้วยเมื่อกี้แกก็ขึ้นรถเมล์คันนี้เหมือนกัน แกก็เดินเข้ามาสะกิด พร้อมชี้ไปที่คนขับ " หนู ๆ ไปซื้อตรงนั้นเลยจ้ะ" แกก็ยิ้มให้อีกรอบ โอ้ยยย ป้าน่ารักมาก ณ จุดนี้
Is it free of charge ?
เรื่องเด็ดมันก็เกิดตรงนี้อีกรอบเนี่ยหละ . . . เดินไปหาคนขับรถเมล์ที่หน้าแม่งบูดบึ้งมาก! " ไปแอร์พอตเท่าไหร่คะ" นางก็จิ้ม ๆ เครื่องคิดเงินราคามันก็โชว์ขึ้นมาที่หน้าจอ รู้สึกมันจะราว ๆ 1 ยูโรกว่า ๆ อ่ะ จำไม่ได้กว่ากี่เซนต์ อ่ะ ! คราวนี้ก็จำได้ว่าเห้ยมีเหรียญ ๆ อยู่ก็บอกเค้าว่า " แปปนึงค่ะๆ " ควักเหรียญออกมาจากเสื้อโค้ตยืนนับ ๆ อ่าวเวร! มีอยู่ประมาณ 75 เซนต์ !!!!!!!!!!!!
คนขับหันมามองหน้าอีกครั้ง นี่ก็บอกนางไปอีก " แปปนึงค่ะๆ " คือในตอนนั้นรถเมล์ก็ออกจากป้ายไปแล้วด้วยนะ นี่ก็นั่งอยู่ที่ใกล้ ๆ คนขับ เปิดกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพยายามหาเหรียญแล้ว ไม่มีแล้วอ่ะแก๊ ทำไงดีเอาละหวะ แบงค์เดียวที่มีนี่หละ ยื่นให้คนขับ " 50 ยูโร " 5555555555555555 คนขับทำหน้ารำคาญใส่มากอ่ะตอนนั้น นางก็บอก " ไม่มีทอน ๆ " แล้วก็ทำมือแบบปัด ๆ ใส่อ่ะ นี่ก็งง หาาา!!! มึงไล่กูลงหรือบอกว่าไม่เป็นไร ๆ วะ .................. สรุป เดินไปนั่งจ้า คิดเอาเองว่ามันให้นั่งฟรี 555555555555
นี่คือโฉมหน้ารถเมล์ฟรีของชั้น 5555555555
Finally . . .
ในที่สุดก็มาถึงแอร์พอตโดยสวัสดิภาพ ตอนนั้นหิวมากนะแต่ไม่มีอารมณ์เดินหาของกิน มันอารมณ์แบบว่า " กูขอเห็นเกตก่อน ไม่งั้นกูคงกินไม่ลงแน่ ๆ " 555555555555 ว่าแล้วก็เช็คอินเดินไปนั่งหน้าเกตจ้าพร้อมกับส่งแมสเสจอวดแฟนว่า อยู่หน้าเกตแล้วจ้า แหม่ ช่างน่าภูมิใจอะไรเช่นนี้ หลังจากนั้นเลยใช้ 50 ยูโรนั่นหละหมดไปกับช็อคโกแลตที่แอร์พอต
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า . . . อย่าเดินตามคนที่เราคิดว่ามันต้องไปที่เดียวกับเรา...เพราะมันไม่ใช่ 555+
// ส วั ส ดี :-)